Category Archives: การประกอบอาหารไทย ม.4 ปี 59
ใบความรู้ที่ 1 เรื่องประวัติความเป็นมาของอาหารไทย ตัวชี้วัดที่ 1 ง 30230 ม.4
ใบความรู้ที่ 1
เรื่อง ประวัตความเป็นมาของอาหารไทย
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 รหัสวิชา ง 30230 เวลา 15 นาที
ประวัติความเป็นมาของอาหารไทย
อาหารไทยเป็นอาหารประจำของชนชาติไทยที่มีการสั่งสมและถ่ายทอดมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีตจนเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติถือได้ว่าอาหารไทยเป็นวัฒนธรรมประจำชาติที่สำคัญของไทย
อาหารพื้นบ้านหมายถึงอาหารที่นิยมรับประทานกันเฉพาะท้องถิ่นซึ่งเป็นอาหารที่ทำขึ้นได้ง่ายโดยอาศัยพืชผักหรือเครื่องประกอบอาหารที่มีอยู่ในท้องถิ่นมีการสืบทอดวิธีปรุงและการรับประทานต่อๆ กันมา
เนื้อหา
1.จุดกำเนิดอาหารไทย
1.1 สมัยสุโฃทัย
1.2 สมัยอยุธยา
1.3 สมัยธนบุรี
1.4 สมัยรัตนโกสินทร์
1. สมัยรัตนโกสินทร์ยุคที่ 1 (พ.ศ. 2325 – 2394)
2. สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ยุคที่ 2 (พ.ศ.2394 – ปัจจุบัน
2.อาหารไทยภาคต่างๆ
2.1 อาหารพื้นบ้านภาคเหนือ
2.2 อาหารภาคกลาง
2.3 อาหารภาคอีสาน
2.4 อาหารภาคใต้
จุดกำเนิดอาหารไทย
อาหารไทยมีจุดกำเนิดพร้อมกับการตั้งชนชาติไทยและมีการพัฒนา
อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยสุโชไทยจนถึงปัจจุบันจากการศึกษาของอาจารย์
กอบแก้ว นาจพินิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เรื่องความเป็นมาชอง
อาหารไทยยุคต่างๆ สรุปได้ดังนี้
สมัยสุโขทัย
อาหารไทยสมัยสุโขทัยได้อาศัยหลักฐานจากศิลาจารึกและวรรณคดี สำคัยคือ
ไตรภุมิพระร่วงของพญาลิไท ที่ได้กล่าวถึงอาหารไทยในสมัยนี้ว่ามีข้าวเป็นอาหารหลักโดยกินร่วมกับกับช้าว ที่ส่วนใหญ่ได้มาจากปลา มีเนื้อสัตว์อื่นบ้างการปรุงอาหารได้ปรากฏคำว่า แกง ในไตรภูมิพระร่วงที่เป็นที่มาของคำว่าข้าวหม้อแกงหม้อ ผักที่กล่าวถึงในศิลาจารึกคือ แฟง แตง น้ำเต้า ส่วนอาหารหวานก็ใช้วัตถุดิบพื้นบ้านเช่น ข้าวตอกและน้ำผึ้ง ส่วนหนึ่งนิยมกินผลไม้แทนอาหารหวาน
สมัยอยุธยา
สมัยนี้ถือว่าเป็นยุคทองของไทย ได้มีการติดต่กับชาวต่างประเทศมากขึ้นทั้งชาวตะวันตกและตะวันออกจากบันทึกเอกสารของชาวต่างประเทศพบว่าคนไทยกินอาหารแบบเรียบง่ายยังคงมีปลาเป็นหลัก มีต้ม แกงและคาดว่ามีการใช้น้ำมันในการประกอบอาหารแต่เป็นน้ำมันจากมะพร้าวและกทิมากกว่าไขมันหรือน้ำมันจากสัตว์มากขึ้น คนไทยสมัยนี้มีการถนอมอาหาร เช่นการนำไปตากแห้งหรือทำเป็นปลาเค็ม มีอาหารประเภทเครื่องจิ้ม เช่นน้ำพริกกะปิ นิยมบริโภคสัตว์น้ำมากกว่าสัตว์บกโดยเฉพาะสัตว์ใหญ่ไม่นิยมนำมาฆ่าเพื่อเป็นอาหารได้มีการกล่าวถึงแกงปลาต่างๆที่ใช้เครื่องเทศเช่นแกงที่ใส่หัวหอม กระเทียม สมุนไพรหวานและเครื่องเทศแรงๆที่คาดว่านำมาใช้ในการประกอบอาหารเพื่อดับกลิ่นคาวของเนื้อปลาหลักฐานจาการบันทึกของบาทหลวงชาวต่างชาติที่แสดงให้เห็นว่าอาหารของชาติต่าง ๆเริ่มเข้ามามากขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ เช่นญี่ปุ่นโปรตุเกส เหล้าองุ่นจากสเปนเปอรฺเวียและฝรั่งเศส สำหรับอิทธิพลของอาหารจีนนั้นคาดว่าเริ่มมีมากขึ้นในช่วงยุคกรุงศรีอยุธยาตอนปลายที่ไทยตัดสัมพันธุ์กับชาติตะวันตกดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าอาหารในสมัยอยุธยาตอนปลายได้รับเอาวัฒนธรรมจากอาหารต่างชาติโดยผ่านทางการมีสัมพันธไมตรีทั้งทางการทูตและทางการค้ากับประเทศต่างๆและจากหลักฐานที่ปรากฏทางประวัติศาสตร์ว่าอาหารต่าง ชาติส่วนใหญ่แพร่หลายอยู่ในราชสำนักต่อมาจึงกระจายสู่ประชาชนและกลมกลืน
กลายเป็นอาหารไทยไปในที่สุด
สมัยธนบุรี
จากหลักฐานที่ปรากฏในหนังสือแม่ครัวหัวป่ากก์ซึ่งเป็นตำราการทำกับข้าวเล่มที่ 2ชองไทยของม่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงษ์ พบความต่อเนื่องของวัฒนธรรมไทยจากกรุงสุโขทัยถึงสมัยอยุธยาและสมัยกรุงธนบุรีและยังเชื่อว่าเส้นทางอาหารไทยจะเชื่อมจากกรุงธนบุรีไปยังสมัยรัตนโกสินทร์โดยผ่านทางหน้าที่ราฃการและสังคมเครือญาติและอาหารไทยสมัยกรุงธนบุรีจะคล้ายคลึงกับสมัยอยุธยาแต่ที่พิเศษเพิ่มเติมคือาหารประจำชาติจีน
สมัยรัตนโกสินทร์
การศึกษาความเป็นมาของอาหารไทยยุครัตนโกสินทร์นี้ได้จำแนกตาม
ยุคสมัยที่นักประวัติศาสตร์ได้กำหนดไว้คือ ยุคที่ 1 ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 จนถึงสมัยรัชกาลที่ 3 และยุคที่ 2 ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 จนถึงรัชกาลปัจจุบัน
สมัยรัตนโกสินทร์ยุคที่ 1 (พ.ศ. 2325 – พ.ศ. 2394)
อาหารไทยในยุคนี้เป็นลักษณะเดียวกันกับสมัยกรุงธนบุรี แต่มีอาหารไทยเพิ่มขึ้นอัก 1 ประเภทคือนอกจากมีอาหารคาว อาหารหวานแล้วยังมีอาหารว่างเพิ่มขึ้นในช่วงนี้อาหารไทยได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมของประเทศจีนมากขึ้นและมีการปรับเปลี่ยนเป็นอาหารไทยในที่สุด จากจดหมายความทรงจำของกรมหลวงนรินทร์ทรเทวี ที่กล่าวถึงเครื่องตั้งสำรับคาวหวานของพระสงฆ์ในงานสมโภชน์พระพุทธมณีรัตนมหาปฏิมากร (พระแก้วมรกต)ได้แสดงให้เห็นว่ารายการอาหารนอกจากจะมีอาหารไทย เช่น ผัก น้ำพริก ปลาแห้ง หน่อไม้ผัด แล้วยังมีอาหารทีปรุงด้วยเครื่องเทศแบบอิสลามและมีอาหารจีนโดยสังเกตจากการใช้หมูเป็นส่วนประกอบที่สำคัญเนื่องจากหมูเป็นอาหารที่คนไทยไม่นิยมแต่คนจีนนิยม
บทพระราชนิพนธ์กาพแห่เรือชมเครื่องคาวหวานของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้ทรงกล่าวถึงอาหารคาวและอาหารหวานหลายชนิดซึ่งได้สะท้อนภาพของอาหารไทยในราชสำนักอย่างชัดเจนที่สุดซึ่งแสดงให้เห็นถึงลักษณะขอวอาหารไทยในราชสำนักที่มีการปรุงกลิ่นและรสอย่างประณีตและให้ความสำคัญของรสชาติอาหารไทยมากเป็นพิเศษและถือว่าเป็นยุคสมัยมีศิลปในการประกอบอาหารที่ค่อนข้างสมบูรณ์ที่สุดทั้งรส กลิ่น สี และการตกแต่งให้สวยงามรวมทั้งมีการพัฒนาอาหารนานาชาติให้เป็นอาหารไทยจากบทพระราชนิพนธ์ทำให้ได้รายละเอียดที่เกี่ยวกับการแบ่งประเภทของอาหารคาวหรือกับข้าวและอาหารว่างคาวได้แก่ หมูแหนม ล่าเตียง หรุ่ม รังนก ส่วนอาหารคาวได้แก่ แกงชนิดต่าง ๆ เครื่องจิ้ม ยำต่าง ๆ ส่วนอาหารหวานส่วนใหญ่ทำด้วยแป้งและไข่เป็นส่วนใหญ่
มีขนมที่มีลักาณะอบกรอบ เช่น ขนมผิง ขนมลำเจียก และมีขนมที่มีน้ำหวาน
และกะทิเจืออยู่ด้วย ได้แก่ ซ่าหริ่ม บัวลอย เป็นต้น
นอกจากนี้วรรณคดีไทยเรื่อง ขุนช้างขุนแผน ซึ่งถือว่าเป็นวรรณคดีที่สะท้อนถึงชีวิตของคนในยุคนั้นอย่างมากรวมทั้งเรื่องอาหารการกินของชาวบ้าน พบว่ามีความนิยมขนมจีนน้ำยา และมีการกินช้าวเป็นอาหารหลักร่วมกับกับข้าวประเภทต่าง ๆ ได้แก่ แกง ต้ม ยำและคั่ว อาหารมีความหลากหลายมากชึ้นทั้งชนิดของอาหารคาวและอาหารหวาน
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ยุค 2 (พ.ศ. 2394 – ปัจจุบัน)
ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 ประเทศไทยมีการพัฒนาอย่างมากและมีการตั้งโรงพิมพ์แห่งแรกของประเทศไทยดังนั้น ตำรับอาหารการกินของไทยเริ่มมีการบันทึกมากขึ้นโดยเฉพาะในรัชกาลที่ 5 เช่นในบทพระนิพนธ์เรื่องไกลบ้าน จดหมายเหตุ เสด็จประพาสต้น และยังมีบันทึกต่าง ๆ โดยผ่านการบอกเล่าสืบทอดทางเครือญาติแลบันทึกที่เป็นทางการอื่นๆซึ่งข้อมูล เหล่านี้ได้สะท้อนให้เห็นลักษณะขออาหารไทย
แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียนตัวชี้วัดที่ 1เรื่องประวัติความเป็นมาของอาหารไทย ง 30230 ม.4
แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียนผลการเรียนรู้ที่ 1 เรื่องประวัติความเป็นมาของอาหารไทย ง 30230 ม.4
คำสั่ง ให้นักเรียนทำเครื่องหมายกากบาท(X)ทับข้อที่ถูกที่สุดเพียงข้อเดียว
1. ข้อใดคือหลักฐานของอาหารไทยสมัยสุโขทัย.
ก. ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง
ข. วรรณคดีไตรภูมิพระร่วง
ค. กาพย์แห่เรือชมเครื่องคาวหวาน
ง. ถูกทั้งข้อ ก และ ข
เฉลยข้อ ง ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง วรรณคดีไตรภูมิพระร่วง
2. วรรณคดีไตรภูมิพระร่วงของพญาลิไทกล่าวถึงเรื่องใด.
ก. การทำมาค้าขายกับชาติตะวันตก
ข. อาหารไทยในสมัยนี้มีทั้งงอาหารคาวและของว่าง
ค. อาหารไทยในสมัยนี้มีข้าวเป็นอาหารหลักกินร่วมกับกับข้าว
ง. อาหารไทยสมัยนี้มีกับข้าวประเภทเนื้อสัตว์ที่ได้จากธรรมชาติท้องทุ่งนา
ไม่นิยมรับประทานข้าว
เฉลยข้อ ค เพราะอาหารไทยสมัยสุโขทัยมีขข้าวเป็นอาหารหลักโดยกีนร่วมกับกับข้าวที่ส่วนใหญ่ได้มาจากปลาและเนื้อสัตว์อื่นบ้าง
3. วรรณคดีเรื่องไตรภููมิพระร่วงในการปรุงอาหาารได้ปรากฏคำใด.
ก. ปิิ้ง ข. ต้ม ค. แกง ง. อ่อม
เฉลยข้อ ค แกง
4. ผักที่กล่าวถึงในศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงคือข้อใด.
ก. ฟัก แตง น้ำเต้า ข. แฟง แตง น้ำเต้า
ค. ฟัก แฟง น้ำเต้า ง. แฟง บวบ น้ำเต้า
เฉลยข้อ ข แฟง แตง น้ำเต้า
5. ในสมัยสุโขทัยอาหารหวานนิยมใช้วัตถุดิบพื้นบ้านในข้อใด.
ก. กล้วยไข่ น้ำผึ้ง ข. น้ำตาลมะพร้าว น้ำผึ้ง
ค. น้ำผึ้ง ข้าวตอก ง. น้ำผึ้ง เผือก มัน
เฉลยข้อ ค น้ำผึ้ง ข้าวตอก
6. ประเทศไทยได้มีการติดต่อกับชาวต่างประเทศทั้งชาวตะวันตกและตะวันออกในสมัยใด.
ก. สุโขทัย ข. สมัยอยุธยา ค. สมัยธนบุรี ง. สมัยรัตนโกสินทร์ยุคที่ 1
เฉลยข้อ ข. สมัยอยุธยาสมัยสมเด็จพระนารายณ์มี ญี่ปุ่น โปรตุเกส เริ่มเข้ามา สเปนและฝรั่งเศส
7. บันทึกเอกสารของชาวต่างชาติข้อใดกล่าวถููกต้องเกี่ยวกับการรับประทานอาหารของคนไทยในสมัยอยุธยา.
ก. มีข้าวเป็นอาหหารหลักรับประทานกัเนื้อสัตว์ซึ่งนำมาปิ้ง
ข. คนไทยกินอาหารแบบเรียบง่าายยังคงมีปลาเป็นหลักมีต้ม แกงและคาดว่าใช้น้ำมันในการประกอบอาหาร
ค. คนไทยในสมัยอยุธยาจะกินอาหารประเภทสำรับซึ่งชนชาติจีนนำเข้ามาเผยแพร่และนิยมรับประทานผลไม้แทนขนมหวาน
ง. คนไทยในสมัยนั้นนิยมรับประทานอาหารคาวอาหารหวานออาหารว่างและผผลไม้ต่าง ๆที่มีในท้องถิ่น
เฉลยข้อ ข
8. น้ำมันที่ใช้ในการประกอบอาหารนิยมใช้น้ำมันในข้อใด.
ก. น้ำมันหมู ข. น้ำมันงา ค. น้ำมันมะพร้าว ง. น้ำมันถั่วเหลือง
เฉลย ค. น้ำมันมะพร้าว
9. คนไทยสมัยอยุะยจะมีการถนอมอาหารด้วยวิธีใด.
ก. การตากแห้ง ข. การรมควัน ค. การดอง ง. การเชื่อม
เฉลยข้อ ก การตากแห้ง
10. อาหารประเภทเครื่องจิ้มสมัยอยุธยาคือข้อใด.
ก. น้ำพริกอ่อง ข. น้ำพริกหนุ่ม ค. แจ่วพริกสด ง.น้ำพริกกะปื
เฉลยข้อ ง น้ำพริกกะปิ
11. ข้อใดกล่าวผิดเกี่ยวกับอาหารไทยสมัยอยุธยา.
ก. คนในสมัยอยุธยนิยมบริโภคสัตว์บกมากกว่าสัตว์น้ำ
ข. แกงปลาต่างๆ จะใช้เครื่องเทศแกงที่ใส่หัวหอมกระเทียมสมุนไพรเครื่องเทศเพื่นำมาใช้ในการดับกลิ่นคาวของเนื้อปลา
ค. อาหารของชาติต่าง ๆญี่ปุ่น โปรตุเกส เหล้าองุ่นจากสเปนเปอร์เซียฝรั่งเศส เริ่มเข้ามามากขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ง. อิทธิพลของอาหารจีนมีมากขึ้นในยุคกกรุงศรีอยุธยาตอนปลายได้รับเอาวัฒนธรรมอาหารต่างชาติดดยผ่านทางการทูตและการค้าแพร่หลายอยู่ในราชสำนัก
เฉลยข้อ ก เพราะในสมัยอยุธยาจะนิยมบริโภภคสัตว์น้ำมากกว่าสัตว์บกโดยเฉเพาะสัตวืใหญ่ไม่นิยมนำมาฆ่าเพื่อเป็นอาหาร
ครูผกาสั่งานนักเรียนที่เรียนรายวิชาเพิ่มเติม การประกอบอาหารไทย รหัสวิชา ง 30230 ม.4
คำสั่ง ให้นักเรียนที่เรียนรายวิชาการประกอบไทย ง 30230 ม. 4 ทุกห้องเรียนทุกคน
1. ใหันักเรียนเขียนหน้าปก ใบรองปก โดยใช้สมุดโรงเรียนเล่มเล็ก(ตัวบรรจงครึ่งบรรทัด)
1.1 ชื่อโรงเรียน
1.2 ชื่อนักเรียน-ชั้น เลขที่
1.3 ชื่อรายวิชา
1.4 ชื่อครูผู้สอน
1.5 ชื่อรองผู้อำนวยการกลุ่มงานวิชาการ
1.6 ชื่อผู้อำนวยการ
1.7 เริ่มใช้วันที่ 18 พฤษภาคม- 30 กันยาคม
1.8 เบอร์โทรศัพท์ผู้ปกครองที่ติดต่อได้
1.9 เบอร์โทรนักเรียนและเพื่อนสนิท 5 คน
1.10 เว็บไซต์นักเรียน
2. จดบันทึกผลการเรียนรู้/ตัวชี้วัด(แผ่นถัดจากใบรองปก) การวัดผลประเมินผล และภาระงานรายวิชาการประกอบอาหารไทย
3. ศึกษาใบความรู้ที่ 1 เรื่องประวัติความเป็นมาของอาหารไทย(เว็บไซต์ krupaga)
4. ศึกษาค่านิยม 12 ประการ สมรรถนะของผู้เรียน เศรษฐกิจพอเพียง คุณลักษณะอันพึงประสงค์
ผลการเรียนรู้/ตัวชี้วัด รายวิชาการประกอบอาหารไทย รหัสวิชา ง 30230 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
ผลการเรียนรู้/ตัวชี้วัด รายวิชาการประกอบอาหารไทย รหัสวิชา ง 30230 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 60 ชั่วโมง จำนวน 1.5 หน่วยการเรียน
1. นักเรียนสามารถบอกประวัติความเป็นมาของอาหารไทยได้
2. นักเรียนสามารถอธิบายอาหารในชีวิตประจำวันและกำหนดรายการอาหารได้
3. นักเรียนสามารถบอกอาหารหลัก 5 หมู่และสารอาหารได้
4. บอกหลักการหุงต้มอาหารและวิธีสงวนคุณค่าทางอาหารโภชนาการได้
5. บอกหลักสุขอนามัยในการประกอบอาหารได้
6. นักเรียนสามารถเลือกซื้ออาหารสดอาหารแห้งและเก็บรักษาได้
7. บอกหลักการเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมกับชนิดของอาหาร
8. นักเรียนสามารถเตรียม ประกอบอาหารจานเดียว จัดตกแต่งและบริการอาหารได้
9. ปกิบัติการประกอบอาหารไทยประเภทต่าง ๆได้
10. จดบันทึกการปฏิบัติงาน ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย กำหนดราคาขาย จัดจำหน่ายและประเมินผลการปฏิบัติงานได้
การวัดผล/ประเมินผล
อัตราส่วนคะแนน 80/20
คะแนน 80 คะแนนมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. คะแนนก่อนสอบกลางภาค 10 คะแนน ทดสอบผลการเรียนรู้/ตัวชี้วัดที่ 1(3คะแนน)ผลการเรียนรุ้ที่ 2(4 คะแนน)ผลการเรียนรู้ที่ 3(3 คะแนน)รวมคะแนนก่อนสอบกลางภาค 10 คะแนนโดยการสอบเก็บคะแนนหลังจากจบกิจกรรมการเรียนการสอนแต่ละผลการเรียนรู้/ตัวชี้วัด
2. คะแนนสอบกลางภาคจำนวน 15 คะแนน (ผลการเรียนรู้/ตัวชี้วัดที่ 1-5)
3. คะแนนหลังสอบกลางภาคจำนวน 55 คะแนน (ผลการเรียนรู้ที่ 6-10)
4. คะแนนสอบปลายภาค 20 คะแนน (ผลการเรียนรู้ที่ 1-10)
5. รวมคะแนนระหว่างภาค 80 คะแนน คะแนนสอบปลายภาค 20 คะแนน
6. รวมคะแนน 100 คะแนน
ภาระงานรายวิชาการประกอบอาหาร
ผลการเรียนรู้/ตัวชี้วัดที่ 2 ให้นักเรียนจัดทำรายการอาหาร 1 สัปดาห์ โดยให้แต่ละวันมี 5 มื้อ มื้อเช้า อาหารว่างมื้อเช้า มื้อกลางวัน อาหารว่างมื้อบ่าย อาหารมื้อเย็น
ผลการเรียนรู้ที่/ตัวชี้วัดที่ 8 ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๆ ละ 6-8 คน จัดทำวีดิโอการปฏิบัติอาหารจานเดียวในเรื่อง วัสดุ อุปกรณ์ ขั้นตอนการปฏิบัติอาหารจานเดียว ขั้นตอนการเก็บล้างทำความสะอาดบริเวณปฏิบัติงานและอุปกรณ์ การประเมินผล โดยเลือกกลุ่มละ 1 อย่าง
ผลการเรียน/ตัวชี้วัดที่ 9 ให้แบ่งกลุ่มปฏิบัติงานอาหารไทยประเภทต่าง ๆ ตามที่แต่กลุ่มจับสลากได้ กลุ่มที่ 1 ประเภทต้ม กลุ่มที่ 2 ประเภทผัด
กลุ่มที่ 3 ประเภทยำ กลุ่มที่ 4 ประเภทน้ำพริกผักสด และอื่น ๆ นำเสนอผลงาน ประเมินผล นำเสนอผลงานใส่ไวนิวขนาด 80×160 พร้อมนำเสนอหน้าชั้นเรียน
ผลการเรียนรู้/ตัวชี้วัดที่ 10 ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มจดบันทึกการปฏิบัติงาน ทำบัญญชีรายรับรายจ่ายแต่ละงาน กำหนดราคาขาย รูปภาพการจัดจำหน่ายและประเมินผลการปฏิบัติงาน(ใช้สมุดโรงเรียนเล่มเล็ก)
กำหนดส่ง 15 กันยาย