Category Archives: ใบความรู้ ง 23105 ม.3
ใบความรู้ที่ 7.4 เรื่องการหางานหรือตำแหน่งที่ว่าง หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 รายวิชาการงาน 5 รหัสวิชา ง 23105 ม.3
ใบความรู้ที่ 7.4 เรื่องการหางานหรือตำแหน่งที่ว่าง วิชาการงาน 5 ง 23105 ม.3
เมื่อประเมินทางเลือกและตัดสินใจเลือกอาชีพที่เหมาะสมกับตนเองแล้ว ขั้นตอนต่อไปต้องหางาน
หรือตำแหน่งที่ว่างของอาชีพที่ตัดสินใจเลือกจากช่องทางต่าง ๆ เช่น สื่อสิ่งพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์
ตามความสะดวกของผู้หางาน
สิ่งพิมพ์ ในที่นี้หมายถึงกระดาษที่มีข้อความและภาพพิมพ์เกี่ยวกับการรับสมัครพนักงานหรือลูกจ้าง
ที่สถานประกอบการได้ลงประกาศไว้ในช่วงเวลาที่ต้องการแรงงานในตำแหน่งต่าง ๆ สื่อสิ่งพิมพ์
ที่มีประกาศรับสมัครมีดังต่อไปนี้
1. หนังสือพิมพ์ เป็นสิ่งพิมพ์ที่มุ่งนำเสนอข่าวและเรื่องราวที่น่าสนใจทั่วไป มีกำหนดพิมพ์ออกจำหน่าย
เป็นรายวัน รายปักษ์ รายสัปดาห์ หนังสือพิมพ์เป็นสื่อสิ่งพิมพ์เพื่อทุกคนทุกระดับความรู้ ไม่จำกัดผู้อ่าน
สามารถอ่านให้จบได้ในเวลาอันสั้นจึงเป็นที่นิยมแพร่หลายกว่าสิ่งพิมพ์อย่างอื่น
หนังสือพิมพ์ส่วนใหญ่มีส่วนที่เป็นประกาศรับสมัครสอดแทรกในหน้าต่างๆ ซึ่งมีทั้งขนาดเล็ก
และขนาดใหญ่ ข้อความของประกาศสมัครงานในหนังสือพิมพ์จะเห็นได้จากตัวอย่างหน้า 183 ในหนังสือเรียน
2. โปรสเตอร์ เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ขนาดใหญ่ที่มีรูปภาพ ข้ความและสีสันที่ดึงดูดใจ สามารถสื่อสารในระยะเวลา
อันสั้นใช้ในการโฆษณาสินค้าและบริการและอาจจะพบประกาศรับสมัครงานบ้างในบางสถานที่เช่น
หน้าบริษัทของนายจ้างซึ่งรายละเอียดของประกาศรับสมัครงานในโปสเตอร์จะเหมือนกับหนังสือพิมพ์
ดังตัวอย่างในหนังสือแบบเรียนหน้า 184
3. ใบปลิว เป็นสิ่งพิมพ์ที่มีราคาถูกที่สุด มีพื้นที่ให้ใส่ข้อมูลมากตามที่ต้องการและมักจะใช้เป็นข้อมูล
อ้างอิง ใบปลิวส่วนใหญ่ใช้ในการสื่อสารโดยตรงเกี่ยวกับสินค้าและบริการพบโดยทั่วไปตามป้ายนิเทศ
ตู้โทรศัพท์ เสาไฟฟ้า ประกาศรับสมัครงานในใบปลิว จะมีรายละเอียดสั้น ๆและกะทัดรัดเข้าใจง่าย
ดังตัวอย่างหน้า 184
4. ประกาศรับสมัครงานของทางราชการ ในปัจจุบันมีทั้งรูปแบบของสื่อสิ่งพิมพ์ประเภทเดียวกับใบปลิว
พบมากบนป้ายนิเทศของหน่วยงานราชการที่รับสมัครงานซึ่งปิดประกาศไว้แต่จะมีใบประกาศมากกว่าและ
มีรูปแบบเป็นทางการมากกว่าใบปลิวหรือเป็นประกาศในหัวข้อรับสมัครงานในเว็บไซต์ของหน่วยงานราชการ
ดังตัวอย่างในหนังสือแบบเรียนหน้า 185
สื่ออิเล็กทรอนิกส์
สื่ออิเล็กทรอนิกส์เป็นอุปกรณ์ที่ทันสมัย ซึ่งสามารถให้ข้อมูลประกาศรับสมัครงานได้โดยอุปกรณ์
แต่ละชนิดจะให้ข้อมูลในรูปแบบที่แตกต่างกันดังนี้
1. วิทยุ ใหัข้อมูลประกาศรับสมัครในรูปแบบเสียงโฆษณาสั้น ๆหรือประกาศสอดแทรกในรายการวิทยุ
มีรายละเอียดในประกาศรับสมัครงานคล้ายสื่อสิ่งพิมพ์ทุกประการ
2. โทรทัศน์ ให้ข้อมูลประกาศรับสมัครงานในรูปแบบเสียงและตัวอักษรบางประกาศอาจมีภาพประกอบ
รายละเอียดประกอบรับสมัครงานทางโทรทัศน์สอดแทรกในรายการโทรทัศน์ปกติ
3. คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เนต โดยสืบค้นเว็บไซต์ในอินเทอร์เนต ซึ่งให้ข้อมูล
ประกาศรับสมัครงานในรูปแบบภาพและข้อความที่มีรายละเอียดในประกาศเหมือนสื่อสิ่งพิมพ์ทุกประการ
ตลอดจนค้นหางานในตำแหน่งหรือบริษัทที่สนใจได้มากมาย สามารถพิมพ์ราบละเอียดออกมาดูได้
โดยใช้เครื่องพิมพ์และบางเว็บไซต์อาจอำนวยความสะดวกให้สมัครงานผ่านทางเว็บไซต์ได้ด้วยดังตัวอย่าง
ในหนังสือการงานอาชีพและเทคโนโลยีหน้า 187
ใบความรู้ที่ 7.3 เรื่องแนวทางเข้าสู่อาชีพ(ความมั่นคง การประเมินทางเลือกอาชีพ)หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 รายวิชาการงาน 5 รหัสวิชา ง 23105 ม.3
ใบความรู้ที่ 7.3 เรื่องแนวทางเข้าสู่อาชีพ(ความมั่นคง การประเมินทางเลือกอาชีพ) ง 23105 ม.3
ความมั่นคงในที่นี้หมายถึง ความน่าเชื่อถือของสถานประกอบการ ลักษณะการว่าจ้างของสถานประกอบการ
และขนาดของสถานประกอบการที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกอาชีพซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. ความน่าเชื่อถือของสถานประกอบการ การหางานหรือตำแหน่งว่างของสถานประกอบการที่
ต้องการเข้าทำงาน ผู้สมัครงานควรทำการศึกษาสถานประกอบการที่จะเข้าทำงานโดยอ่านประวัติ
ความเป็นมาเพื่อมิให้ถูกหลอกลวง
2. ลักษณะของการว่าจ้างหมายถึงช่วงเวลาในการทำงานที่นายจ้างกำหนดไว้เป็นกฏระเบียบของ
สถานประกอบการซึ่งผู้สมัครต้องเลือกให้สะดวกต่อการเดินทางมาทำงานดังนี้
2.1 งานประจำ จะมีความมั่นคงมากกว่างานว่าจ้างเนื่องจากเป็นงานที่มีเป้าหมายในการพัฒนามีโครงการ
ให้ปฏิบัติอย่างต่อเนื่องรายรับจะได้มาในรูปแบบของเงินเดือน มีสวัสดิการ ค่ารักษาพยาบาลทำให้
ผู้สมัครงานสามารถวางแผนค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันหรือถ้ามีภาระดูแลสมาชิกในครอบครัว เด็ก
คนชรางานประจำจะมีกฏระเบียบในการลาไม่เสียผลประโยชน์
2.2 งานพิเศษ มีอยู่ 2 ลักษณะ ดังนี้
2.2.1 การปฏิบัติงานเป็นช่วงเวลาส่วนใหญ่จะมีวิธีปฏิบัติงานคล้ายกับงานประจำเพียงแต่งานประจำ
จะทำ 8 ชั่วโมง/วันแต่งานพิเศษจะทำ 3-5 ชั่วโมง/วัน
2.2.2 การปฏิบัติงานเป็นชิ้นงาน เช่นร่วมโครงการต่าง ๆ งานออกแบบ มีลักษณะทำเป็นงาน ๆ ไป
งานประเภทนี้จะได้เงินมากกว่างานที่ปฏิบัติเป็นช่วงเวลา
3. ขนาดสถานที่ประกอบการ บ่งบอกถึงรูปแบบการบริหารงาน รายได้ที่ลูกจ้างจะได้รับ
ผลกำไรหรือความมั่นคงซึ่งสามารถแบ่งได้ตามจันวนคนที่ทำงานสามารถแบ่งตามจำนวนคนที่ทำงาน
และลูกจ้างในสถานประกอบการแบ่งได้เป็น 3 ขนาด
1. ขนาดเล็ก หมายถึงสถานประกอบการมีพนักงานลูกจ้างในที่เดียวกัน 10 คนขึ้นไป
2. ขนาดกลาง หมายถึงสถานประกอบการที่มีลูกจ้างและพนักงานตั้งแต่ 200คนขึ้นไป
3. ขนาดใหญ่หมายถึงสถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1000 คนขึ้นไป
การประเมินทางเลือก
แนวทางการประเมินทางเลือกอาชีพ
ใบความรู้ที่ 7.2 เรื่องแนวทางเข้าสู่อาชีพ(คุณสมบัติที่จำเป็น) หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 รายวิชาการงาน 5 รหัสวิชา ง 23105 ม.3
ใบความรู้ที่ 7.2 เรื่องแนวทางเข้าสู่อาชีพ(คุณสมบัติที่จำเป็น) ง 23105 ม.3
การประกอบอาชีพในสถานประกอบการต่าง ๆผู้สมัครต้องอ่านประกาศรับสมัครงานจากโปสเตอร์
เว็บไซต์ในอินเทอร์เนต หนังสือพิมพ์ ฟังวิทยุ ดูโทรทัศน์ ซึ่งจะพบว่ามีการระบุคุณสมบัติของผู้สมัคร
ในแต่ละตำแหน่งตามลักษณะงานที่แตกต่างกันไปแล้วสมัครงานตามที่ตนเองสนใจสามารถจำแนก
คุณสมบัติที่จำเป็นในการรับสมัครงานได้ดังนี้
1. คุณวุฒิ หมายถึงระดับการศึกษา เช่นประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช) ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง(ปวส)
ปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก ซึ่งเป็นสิ่งที่รับรองว่าบุคคลที่สมัครงานนั้นมีความรู้ความสามารถ
พื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่ประกาศรับสมัครและสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เช่นอาชีพครูต้องการปริญญาตรีสาขาคคุรุศาสตร์มีใบประกอบวิชาชีพครูจากองค์การคุรุสภา
2. วัยวุฒิ หมายถึงอายุที่เหมาะสมกับการทำงานในตำแหน่งต่างๆซึ่งอายุนี้เป็นสิ่งบ่งบอกถึงความแข็งแรง
คล่องแคล่วในการปฏิบัติงานและวุฒิภาวะในการตัดสินใจเช่นผู้เสิร์ฟต้องมีอายุไม่เกิน 25 ปีสุขภาพ
แข็งแรงมีความอดทนต่อการยืนเดินต่อเนื่องเป็นเวลานาน ผู้จัดการต้องการอายุ 25-35 เพราะควบคุม
ผู้ใต้บังคับบัญชาจำนวนมากได้
3. เพศ หมายถึงเพศหญิงเพศชายซึ่งมีความแตกต่างกันในด้านสรีระและลักษณะการทำงาน
จึงมีความเหมาะสมในอาชีพที่แตกต่างกัน เช่นอาชีพวิศวกรโยธาต้องการเพศชานคล่องตัวอดทนในการ
คุมงานก่อสร้าง อาชีพเลขานุการต้องการเพศหญิงที่มีความละเอียดรอบคอบและความเป็นระเบียบ
เรียบร้อยในงานเอกสาร อาชีพนักกีฬาต้องการทั้งชายและหญิงที่มีสุขภาพแข็งแรง
4. บุคลิกภาพและลักษณะนิสัยหมายถึงลักษณะเฉพาะตัวของแต่ละบุคคลซึ่งแตกต่างกันเนื่องมาจาก
การอบรมเลี้ยงดูของผู้ปกครองและการเลียนแบบของบุคคลที่ชื่นชอบ อุปนิสัยที่ทุกคนควรจะปลูกฝัง
4.1 มีมนุษยสัมพันธ์ ในการปฏิบัติงานทุกอาชีพ การมีมนุษยสัมพันธ์ดีเป็นคุณสมบัติที่ทุกคนปฏิบัติงาน
ควรจะมีเพราะจะช่วยให้การปฏิบัติงานราบรื่นเนื่องจากการพูดคุยกันด้วยวาจาให้เกียรติยอมรับฟัง
ความคิดเห็นของกันและกันยิ้มแย้มแจ่มใสช่วยเหลือกันและกันในการทำงาน
4.2 มีความเป็นผู้นำ กล้าตัดสินใจ มีความมั่นใจในตนเอง มีไหวพริบดี ผู้ปฏิบัติงานที่ดีควรมีความ
เป็นผู้นำ กล้าตัดสินใจ และมีไหวพริบในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น ตำรวจ ทหาร ต้องกล้าตัดสินใจ
ในการช่วยเหลือตัวประกันที่ตกอยู่ในอันตราย แพทย์ เมื่อพบผู้ป่วยตกอยู่ในอันตรายป่วยรุนแรงต้อง
รีบตัดสินใจดำเนินการรักษาอย่างรอบคอบเพื่อช่วยเหลือชีวิตของผู้ป่วยไว้
4.3 มีความรับผิดชอบผู้ปฏิบัติงานต้องมีความรับผิดชอบในด้านต่าง ๆแบ่งออกได้ 2 ประเภทดังต่อไปนี้
1. ความรับผิดชอบในหน้าที่หลัก ปฏิบัติงานของตนให้ดีที่สุด ตรงต่อเวลาเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย
แก่เพื่อนร่วมงานและองค์กร
2. ความรับผิดชอบในการตัดสินใจ เมื่อผู้ปฏิบัติงานกล้าตัดสินใจที่จะทำสิ่งใดนอกเหนือจากภาระหลัก
ยอมรัผลที่เกิดขึ้นและร่วมหาทางแก้ไขร่วมกับผู้อื่นไม่ปัดภาระความรับผิดชอบหรือโยนความผิดให้ผู้อื่น
4.4 มีความขยัน คือคุณธรรมหนึ่งที่นำไปสู่ความสำเร็จไม่ใช่การประกอบอาชีพยังรวมไปถึงความขยัน
ในการศึกษาเล่าเรียน ใฝ่รู้ ขยันฝึกและพัฒนาทักษะต่าง ๆ ขยันพัฒนาตนเองอยู่เสมอเพื่อผลการ
ปฏิบัติงานดียิ่งขึ้นเรื่อย ๆ
4.5 มีความอดทน ในการทำงานอาจพบปัญหาต่างๆได้ตลอดเวลาแม้จะไม่ได้เกิดจากตนเอง
ดังนั้นผู้ปฏิบัติงานต้องมีความอดทนในการแก้ปัญหาด่างๆออกไปได้โดยไม่ย่อท้อและไม่โวบวาย
4.6 มีความซื่อสัตย์ ดังคำกล่าวที่ว่าซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน ในการปฏิบัติงานใด ๆก็ตามควร
ปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์ต่อองค์กรและต่อลูกค้าการหาผลประโยชน์จากการปฏิบัติงานอีกไม่ช้า
ลูกค้าย่อมรู้จุดประสงค์ของผู้กระทำและส่งผลเสียต่ออนาคตของตนเอง
4.7 มีสุขภาพจิตดี โดยมองโลกในแง่ดีสามารถปฏิบัติงานภายใต้แรงกดดันจากผู้ร่วมงาน ผู้บังคับบัญชา
ลูกค้าและสถานการณ์ตึงเครียดจากการทำงานแก้ปัญหาอย่างมีสติคิดว่าปัญหาคือประสบการณ์
ที่จะพัฒนาตนเองไม่โทษสิ่งอื่น ปรับตัวเข้ากับเพื่อนร่วมงานได้อย่างเหมาะสม
5. ความรู้ความสามารถ ผู้ปฏิบัติงานต้องมีความรู้ความสามารถได้แก่ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับงานที่ทำ
การที่จะมีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงานต้องผ่านการศึกษาเล่าเรียนจากสถานศึกษาต่างๆ
และฝึกงานเพื่อให้เกิดความชำนาญ รู้ถึงอุปกรณ์สำนักงาน คอมพิวเตอร์เพื่อทำงานได้สะดวกรวดเร็ว
6. ประสบการณ์ งานบางตำแหน่งต้องการผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำงานมาแล้ว เช่น ตำแหน่งผู้จัดการ
หรือผู้บริหารส่วนใหญ่ต้องการผู้ที่เคยผ่านการปฏิบัติงานจริงมาก่อนเป็นระยะเวลานานหรือผ่านการฝึกงาน
ในตำแหน่งที่สมัครงานเพราะจะสามารถตัดสินใจและแก้ปัญหาได้
ใบความรู้ที่ 7.1เรื่องความสำคัญของอาชีพ หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 รายวิชาการงาน 5 รหัสวิชา ง 23105 ม.3
ใบความรู้ที่ 7.1 เรื่องความสำคัญของอาชีพ หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 ง 23105 ม.3
อาชีพมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ สังคม และเศรษฐกิจ ดังนี้
1. สร้างรายได้ อาชีพช่วยให้มนุษย์ดำรงชีวิตอยู่ได้เพราะอาชีพก่อให้เกิดรายได้สำหรับนำมาใช้จ่าย
ในชีวิตประจำวัน เช่นจ่ายค่าอาหาร ค่าเครื่องนุ่งห่ม ค่ายารัษาโรค ค่าที่อยู่อาศัย
2. สร้างความสัมพันธ์ในสังคม อาชีพเป็นกิจกรรมแลกเปลี่ยนซื้อ-ขายสินค้าและบริการในสังคมคนใน
สังคมจึงเกิดความสัมพันธ์ต่อกันในฐานะผู้ซื้อ-ผู้ขายซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อกันในเรื่องอาชีพ
3. สร้างรายได้ให้กับประเทศชาติ อาชีพช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศเนื่องจากมีการหมุนเวียน
ของเงินสินค้าและบริการต่าง ๆในระบบการซื้อ ขาย แลกเปลี่ยนสินค้าและบริการรวมถึงภาษีเงินได้
ที่ผู้ประกอบอาชีพรายบุคคลและบริษัทต้องจ่ายให้กับรัฐบาลเพื่อที่รัฐบาลจะได้จัดสรรเงินนี้มาสร้าง
สาธารณูปโภคที่จำเป็นต่อประชากร เช่น ถนน สะพาน ถนน โรงพยาบาล น้ำประปา โทรศัพท์
ใบความรู้ที่ 6.5 เรื่องกระบวนการเทคโนโลยี หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 รายวิชาการงาน 5 รหัสวิชา ง 23105 ม.3
ใบความรู้ที่ 6.5 เรื่องกระบวนการเทคโนโลยี หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 รหัสวิชา ง 23105 ม.3
กระบวนการเทคโนโลยี เป็นขั้นตอนที่จะช่วยให้การสร้างสิ่งของเครื่องใช้ประสบผลสำเร็จได้ผลงาน
ที่มีคุณภาพ ประหยัดแรงงาน ประหยัดเวลา และประหยัดค่าใช้จ่าย
กระบวนการเทคโนโลยีประกอบด้วยขั้นตอน 7 ขั้นตอน ดังนี้
1. กำหนดปัญหาหรือความต้องการ เป็นการระบุสิ่งของเครื่องใช้ที่ต้องการสร้างและคุณสมบัติของสิ่งของ
เครื่องใช้ที่ต้องการ
2. การรวบรวมข้อมูลเพื่อแสวงหาวิธีการแก้ปัญหา เป็นการรวบรวมข้อมูลทุกด้านที่เกี่ยวข้องกับสิ่งของ
เครื่องใช้ที่ต้องการสร้างให้ได้มากที่สุดโดยใช้วิธีการต่าง ๆ เช่น การสังเกตด้วยตนเอง การดูโทรทัศน์ ฟังวิทยุ
ชมนิทรรศการ หนังสือพิมพ์ แผ่นพับ ใบปลิว เว็บไซต์ในอินเทอร์เนต
3. การเลือกวิธีการแก้ปัญหาหรือสนองความต้องการ เป็นการตัดสินใจเลือกวัสดุ อุปกรณ์และเครื่องมือ
ที่ใช้ในการสร้างสิ่งของเครื่องใช้ตลอดจนเลือกวิธีสร้างสิ่งของเครื่องใช้ที่เหมาะสมที่สุดหรือเป็นไปได้
อาจเป็นวิธีการเคยทำมาแล้วแต่ปรับปรุงแก้ไขใหม่หรือเป็นวิธีการใหม่ที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน
4. การออกแบบและปฏิบัติการ เป็นการลำดับความคิดหรือจินตนาการเกี่ยวกับสิ่งของเครื่องใช้ที่จะสร้าง
เพื่อนำไปสู่การวางแผนการทำงานโดยเขียนออกมาเป็นลำดับขั้นตอนออกแบบโดยร่างภาพ 2 มิติ
3 มิติ เขียนภาพฉายหรือสร้างแบบจำลองแล้วจึงลงมือสร้างสิ่งของเครื่องใช้
5. การทดสอบ เป็นการนำสิ่งของเครื่องใช้ที่สร้างเสร็จแล้วมาทดลองใช้ว่าสามารถใช้งานได้หรือ
ทำงานได้หรือไม่มีข้อบกพร่องหรือไม่อย่างไร
6. การปรับปรุงแก้ไข เป็นการปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องของสิ่งของเครื่องใช้ที่สร้าง
7. การประเมินผล เป็นการพิจารณาผลของการปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องของสิ่งของเครื่องใช้
ในเรื่องคุณสมบัติที่ต้องการ การใช้งาน ความสวยงาม ความแข็งแรงทนืาน งบประมาณที่ใช้สร้าง
และความปลอดภัยในการใช้งานหากพบว่ามีข้อบกพร่องในเรื่องใดจึงพัฒนาเรื่องนั้นให้ดีขึ้น
การสร้างสิ่งของเครื่องใช้ตามกระบวนการเทคโนโลยี
1. ชั้นวางของอเนกประสงค์ (ให้นักเรียนศึกษาในหนังสือการงานอาชีพและเทคโนโลยี ม.3 หน้า 147-152)
2. ตู้ยามีไฟและมีเสียงเพลง(ศึกษาในหนังสือการงานอาชีพและเทคโนโลยีม.3 หน้า 153-162)
ใบความรู้ที่ 6.4 เรื่องกลไกลและการควบคุมไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์ หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 รายวิชาการงาน 5 รหัสวิชา ง 23105 ม.3
ใบความรู้ที่ 6.4 เรื่องกลไกลและการควบคุมไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์ รายวิชาการงาน 5 ง 23105 ม.3
การสร้างและพัฒนาสิ่งของเครื่องใช้ที่มีกลไกลและการควบคุมไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์เป็นการพัฒนา
ต่อยอดมาจากการสร้างสิ่งของเครื่องใช้ทั่วไปให้มีลักษณะรูปแบบที่น่าสนใจ มีคุณค่า มีประโยชน์
และมีประสิทธิภาพในการใช้งาน โดยไม่ใช้แรงงานจากคนหรือใช้แรงงานจากคนเพียงส่วนหนึ่ง เช่น
การซักผ้าด้วยมือทำได้โดยใช้แปรงซักผ้าเป็นตัวช่วยในการขจัดรอยเปื้อนเป็นการใช้แรงงานคนต่อมา
พัฒนาเป็นเครื่องซักผ้าแบบกึ่งอัตโนมัติมี 2 ถัง ใช้แรงงานคนในการยกผ้าเปลี่ยนจากถังซักมายังถัง
ปั่นแห้งจนพัฒนามาเป็นเครื่องซักผ้าอัตโนมัติถังเดี่ยวซึ่งควบคุมการทำงานโดยระบบสัมผัสที่สามารถ
ซักและปั่นแห้งได้เพียงตั้งโปรแกรมโดยมีกลไกลและการควบคุมไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์เป็นส่วนประกอบ
ภายในตัวเครื่อง ทำให้ผู้ใช้งานมีความสะดวกสะบาย ประหยัดเวลาและแรงงาน
อุปกรณ์ที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวและควบคุมการทำงานต่าง ๆเพื่อให้สามารถเลือกใช้
ได้เหมาะสมกับลักษณะงานดังตัวอย่าง
1. รอก คือล้อสำหรับสวมสายพานหรือเสาเคเบิลซึ่งใช้ในระบบขนส่ง ยกของ และเคลื่อนที่ เช่น
การเคลื่อนที่ของมู่ลี่เพื่อเปิด-ปิด การยกของหนักเพื่อเคลื่อนย้ายตำแหน่งที่วางของ
2. สปริง คือขดลวดที่มีความยืดหยุ่นสามารถหดตัวและกลับสู่สภาพเดิมได้สปริงใช้เป็นส่วนประกอบของ
สิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ มากมาย เช่นตาชั่ง ดินสอกด ปากากด ที่สูบลมกล่องดนตรี นาฬิกา
3. คานงัด คือวัสดุแข็งแรงที่สามารถรับน้ำหนักได้พอควร เช่น เหล็ก พลาสติกชนิดแข็ง ไม้นำมาใช้
เพิ่มแรงและทำให้การเคลื่อนที่ของสิ่งของไปยังทิศทางต่าง ๆทำได้สะดวกง่ายดายเช่น คานงัดในเครื่อง
ปิงขนมปังที่ช่วยดันขนมปังขึ้นมาเมื่อสุกกรอบ คานงัดบนกล่งเครื่องมืองานช่างที่ช่วยในการเปิด-ปิด
4. ล้อ โซ่ และจานโซ่ คืออุปกรณ์ที่ทำงานร่วมกันเพื่อให้สิ่งของเครื่องใช้เคลื่อนที่ได้ใกล้เคียงกับ
รอกและสายพาน แต่มึความแข็งแกร่งกว่าและไม่เลื่อนไปมาเหมือนใช้สายพาน
นอกจานี้โต๊ะบริการเครื่องดื่มก็มีล้อเป็นส่วนประกอบซึ่งช่วยเคลื่อนที่ได้สะดวกและผ่อนแรงได้
5. บานพับคืออุปกรณ์ที่ช่วยให้สิ่งของเครื่องใช้สามารถพับเก็บ ย่อส่วนและเปิด-ปิดได้ตัวอย่าง
สิ่งของเครื่องใช้ ตัวอย่างสิ่งของเครื่องใช้ที่มีบานพับ ประตู หน้าต่าง ตู้ใส่กุญแจ หน้าต่าง ตู้ไปรษณีย์
6. อุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ คืออุปกรณ์ที่มักใช้ในการสร้างและพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ
ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการทำงาน เช่นนาฬิกาปลุกระบบดิจิตอล วิทยุ โคมไฟ เครื่องคิดเลข
กล่องดนตรี หลอดไฟ พัดลม
ใบความรู้ที่ 6.3 เรื่องความรู้เกี่ยวกับการสร้างสิ่งของเครื่องใช้ตามกระบวนการเทคโนโลยี หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 รายวิชาการงาน 5 รหัสวิชา ง 23105 ม.3
ใบความรู้ที่ 6.3 เรื่องความรู้เกี่ยวกับการสร้างสิ่งของเครื่องใช้ตามกระบวนการเทคโนโลยี ง 23105 ม.3
การสร้างสิ่งของเครื่องใช้ตามกระบวนการเทคโนโลยีนอกจากจะนำความรู้เรื่องวัสดุ อุปกรณ์และ
เครื่องมือมาใช้แล้วยังต้องประยุกต์ใช้ความรู้เกี่ยวกับภาพฉาย กลไกและการควบคุมไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์
ตลอดจนกระบวนการเทคโนโลยีเพื่อช่วยให้การสร้างชิ้นงานมีประสิทธิภาพและได้ผลงานที่มีคุณภาพตรงตาม
ความต้องการ
ภาพฉาย(Orthographic drawing) เป็นภาพแสดงรายละเอียดของแนวคิดในการแก้ปัญหาหรือสนอง
ความต้องการในการสร้างสิ่งของเครื่องใช้ ประกอบด้วยภาพด้านหลัง(Front view) ภาพด้านข้าง
(Side View) และภาพด้านบน (Top view) แสดงขนาดและหน่วยในการวัดเพื่อให้สามารถนำไป
สร้างแบบจำลองหรือชิ้นงานได้
แบบจำลองความคิด
แบบจำลองความคิดหรือโมเดล(Model) เป็นวัตถุสามมิติที่จำลองรูปแบบและรายละเอียด
ของสิ่งของเครื่องใช้ที่จะสร้าง ซึ่งได้ร่างภาพ 2 มิติ ร่างภาพ 3 มิติ หรือร่างภาพฉายไว้ เพื่อนำมาใช้
ในการถ่ายทอดแนวคิดของผู้สร้างและใช้นำเสนอผลงาน
แบบจำลองความคิดส่วนใหญ่ทำจากกระดาษแข็ง แผ่นไฟเบอร์ชนิดหนาปานกลาง ไม้บัลชา
ผลิตจากต้นบัลชาในป่าร้อนชื้นของทวีปอเมริกาใต้มีน้ำหนักเบาแต่มีความแข็งแรงมากนิยมนำมาทำ
เครื่องบินเล็ก สไตโรโฟม เป็นโฟมพลาสติกมีลักษณะเนื้อพองเป็นเม็ดกลมเบียดอัดกันแน่นอยู่ในแผ่นโฟม
เบาราคาไม่แพงใช้มีดตัดได้นิยมนำมาหีบห่อกันกระเทือน พอรียูรีเทน เป็นพลาสติกชนิดหนึ่งที่มี
ความทนทานต่อรอยขีดนิยมนำมาใช้เป็นโฟมกันกระแทกทำอุปกรณ์ทางการแพทย์ ทำเรือ ติดไฟง่าย
และปูนปลาสเตอร์ในปัจจุบันยังมีการนำซอฟแวร์คอมพิวเตอร์มาช่วยสร้างแบบจำลองความคิด
ใบความรู้ที่ 6.2 เรื่องระดับของเทคโนโลยี หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 รายวิชาการงาน 5 รหัสวิชา ง 23105 ม.3
ใบความรู้ที่ 6.2 เรื่องระดับของเทคโนโลยี หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 ง 23105 ม.3
สำหรับปัจจุบันสามารถแบ่งระดับเทคโนโลยีได้ 3 ประเภท
1. เทคโนโลยีระดับพื้นบ้านหรือพื้นฐาน เป็นเทคโนโลยียุคแรกของบรรพบุรุษซึ่งส่วนใหญ่เป็นสังคม
เกษตรกรรมพื้นบ้านมีการสร้างเครื่องใช้และอาวุธเพื่อการล่าสัตว์และนำมาทำอาหารรวมถึงการถนอมอาหาร
เช่นอาหารตากแห้ง เทคโนโลยีระดับนี้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเข้าใจลึกซึ้งถึงระดับที่สามารถแก้ไขดัดแปลง
เพียงแต่รู้หลักและวิธีการใช้เท่านั้น ตัวอย่างเทคโนโลยีระดับนี้ เช่น ขวาน มีดพร้า เสียม จอบ ลอบดักปลา
อวน แห คันไถ หม้อ ไห กระต่ายขูดมะพร้าว ครกตำข้าว ยาสมุนไพร เรือแจว เรือพาย ครกกระเดี่ยง
เครื่องสีข้าว ระหัสวิดน้ำ
2. เทคโนโลยีระดับกลาง เป็นเทคโนโลยีที่ซับซ้อนมากขึ้นโดยต้องใช้ความรู้และประสบการณ์จากการแก้
ปัญหาเกษตรกรรมพื้นบ้าน มาพัฒนาระบบงาน กลไกลต่าง ๆและแก้ไข ซ่อมแซมอุปกรณ์ เครื่องมือให้กลับมา
มีสภาพดีดังเดิม ตลอดจนเผยแพร่ความรู้แก่คนในท้องถิ่นได้ เทคโนโลยีระดับนี้ได้แก่ การใช้เครื่องจักรกล
แทนแรงงานคน การใช้เครื่องทุ่นแรง เครื่องยนต์ มอเตอร์ การจับสัตว์น้ำด้วยเรือยนต์ลากจูง เครื่องใช้ไฟฟ้า
ชนิดต่าง ๆ กังหันลมช่วยผลิตพลังงานไฟฟ้า กังหันลมช่วยสูบน้ำใต้ดิน สว่านไฟฟ้า การปลูกพืชหมุนเวียน
เพื่อแก้ปัญหาดินเสื่อมสภาพ การสร้างอ่างเก็ยน้ำ การผลิตอาหารจากผลผลิตเหลือใช้ทางการเกษตร
เครื่องขูดมะพร้าว
3. เทคโนโลยีระดับสูง เป็นเทคโนโลยีที่ผู้พัฒนาต้องมีประสบการณ์มาอย่างยาวนานเพื่อให้สามารถปรับปรุง
แก้ไข ดัดแปลงเทคโนโลยีสลับซับซ้อนได้ซึ่งต้องมีการศึกษา ค้นคว้า วิจัย ทดลองอย่างสม่ำเสมอ
และมีการประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมือ เครื่องจักรกลที่มีประสิทธิภาพสูง ตัวอย่างเทคโนโลยี เช่น การผลิตอาหาร
กระป๋อง การปรับปรุงพันธุ์สัตว์โดยใช้เทคโนโลยีชีวภาพ การโคลน การผลิตกะทิสำเร็จรูปยูเอสที กะทิผง
ยารักษาโรคแผนปัจจุบัน นาโนเทคโนโลยี เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เฉพาะทางด้านงานบัญชี งานวิศวกรรม
สถาปัตยกรรม ศิลปกรรม
ใบความรู้ที่ 6.1 เรื่องความหมายและความสำคัญของเทคโนโลยี หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 ก้าวทันเทคโนโลยี รายวิชาการงาน 5 ง 23105 ม.3
ใบความรู้ที่ 6.1 เรื่องความหมายและความสำคัญของเทคโนโลยี ง 23105 ม.3
มนุษย์มีความต้องการปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต และมีปัญหาให้แก้ไขอยู่ตลอดเวลา
จึงได้มีการประยุกต์นำความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาใช้ในการคิดค้นและพัฒนาวิธีการ วัสดุ อุปกรณ์
และเครื่องมือเพื่อสนองความต้องการและแก้ปัญหาต่าง ๆ โดยสิ่งที่คิดค้นและพัฒนาขึ้นมานี้เรียกว่า
เทคโนโลยี
ความหมายของเทคโนโลยี
เทคโนโลยี (Technogy) หมายถึงสิ่งที่มนุาย์สร้างหรือพัฒนาขึ้นมา เช่น วิธีการ วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ
โดยประยุกต์ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และสาขาวิชาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อตอบสนองความต้องการ
พื้นฐานในการดำรงชีวิต ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและแก้ปัญหาต่าง ๆ
ความสำคัญของเทคโนโลยี
เทคโนโลยีมีความสำคัญหลายด้าน ดังนี้
1. สร้างคุณภาพชีวิตที่ดี เมื่อใช้เทคโนโลยี เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ภานในบ้าน ใช้รถยนต์ส่วนตัว
ในการเดินทางแทนรถโดยสารประจำทาง ใช้เครื่องปรับอากาศแทนพัดลมเมื่ออากาศร้อน มนุษย์จะมี
ความสะดวกสบายไม่เหน็ดเหนื่องจากการทำงานบ้านและการเดินทางมีเวลาทำกิจกรรมต่างๆ ที่เป็น
ประโยชน์ต่อสุขภาพกาย สุขภาพจิต เช่น การออกกำลังกาย การทำกิจกรรมนันทนาการ การทำงาน
อดิเรกที่ชอบมากขึ้น ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น
2. เกิดการสื่อสารไร้พรมแดน เมื่อใช้เทคโนโลยีโทรคมนาคม เช่น โทรศัพท์ โทรสารหรือแฟกซ์
อินเทอร์เนต ดาวเทียม(ดวงแรกที่ถูกส่งขึ้นไปโคจรรอบโลกเป็นดาวเทียมของประเทศสหภาพโซเวียตรัสเซีย)
มนุษย์ทั่วโลกจะสามารถติดต่อสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ทุกที่ทุกเวลาจึงเกิดความเสมอภาคกัน
ในด้านการศึกษา และการรับรู้ข่าวสารต่าง ๆ
3. ป้องกันความเสียหายของชีวิตและทรัพย์สิน เมื่อใช้เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย เช่น ภาพถ่าย
จากดาวเทียม เครื่องมือวัดอุณหภูมิของอากาศ บอกข้อมูลช่วยเตือนภัยจากธรรมชาติทำให้มนุษย์
อพยพได้ทันท่วงที หรือกล้องโทรทัศน์วงจรปิดช่วยป้องกันภัยที่เกิดจากมิจฉาชีพ
4. การทำงานคล่องต้ว เมื่อใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์สำนักงาน เช่น เครื่องถ่ายเอกสาร
โทรสารในการทำงาน เครื่องย่อยเอกสาร โทรสารในการทำงาน จะช่วยให้งานเสร็จเร็วมีคุณภาพ
และประหยัดทรัพยากร(เช่นนำกระดาษถ่ายเอกสารแบถ่ายสองหน้าเพื่อลดปริมาณการใช้กระดาษ
ตรวจแก้ไขเอกสารบนหน้าจอคอมพิวเตอร์แทนการพิมพ์กระดาษมาตรวจแสดงถึงคุณลักษณะอยู่อย่างพอเพียง
5. แก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ โดยใช้เทคนิควิธีการต่าง ๆ ซึ่งอาจเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นหรือนำงานวิจัย
และพัฒนาของบุคคลและหน่วยงานต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้จะช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆให้ลุล่วงไปได้ เช่น
การใช้วิธีแกล้งดิน ช่วยปรับสภาพดินเปรี้ยวให้ปลูกพืชได้ โดยการขังน้ำไว้ในพื้นที่จนกระทั่ง
เกิดปฏิกริยาเคมีทำให้ดินเปรี้ยวจัดจนถึงที่สุดแล้วจึงระบายน้ำออกและปรับสภาพฟื้นฟูดินด้วนปูนขาว
จนกระทั่งดินมีสภาพดีพอทีจะใช้ในการเพราะปลูก การทำฝนเทียมแก้ปัญหาความแห้งแล้งโดยใช้สารทำฝน
ที่ดูดซับความร้อนได้ดีทั้งในบรรยากาศหรือเมฆที่มีอุณหภูมิสูงกว่าหรือต่ำกว่าจุดเยือกแข็งเป็นตัวกระตุ้น
หรือเร่งเร้าให้เกิดกระบวนการเกิดฝนเร็วขึ้นมีปริมาณมากทำให้มีวันฝนตกถี่ขึ้นเพิ่มปริมาณน้ำฝนทำให้
ฝนตกกระจายอย่างทั่วถึงเสม่ำเสมอบังคับซักนำฝนให้ตกสู่พิ้นที่เป้าหมายแม่นยำและแผ่บริเวณกว้างกว่า
ฝนตกเองตามธรรมชาติ
ใบความรู้ที่ 5.5 เรื่องวิธีการติดตั้งและประกอบผลิตภัณฑ์ ราวตากผ้า โต๊ะคอมพิวเตอร์ หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 รายวิชาการงาน 5 รหัสวิชา ง 23105 ม.3
ใบความรู้ที่ 5.5 เรื่องการติดตั้งและประกอบผลิตภัณฑ์ ราวตากผ้า โต๊ะคอมพิวเตอร์ รหัสวิชา ง 23105
(ในหนังสือแบบเรียนการงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้า 122-127)